วันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

วิทยาลัยชุมชนพังงากับการส่งเสริมอัตลักษณ์ธุรกิจชุมชน

โดย ธวัชชัย จิตวารินทร์

วิทยาลัยชุมชนพังงา



เมื่อกล่าวถึงจังหวัดพังงา ผมว่าคงมีหลายคนที่รู้จักจังหวัดนี้ อาจเพราะด้วยชื่อเสียงด้านความงดงามของชายหาด และน้ำทะเลใสสีคราม รวมถึงเป็นที่ตั้งของหมู่เกาะสุรินทร์-สิมิลัน ซึ่งเป็นหมู่เกาะที่มีชื่อเสียงติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก หรืออาจจะเป็นเพราะชื่อเสียงของเขาตะปู ที่สร้างความโด่งดังจากการถ่ายทำภาพยนตร์ ในปีพ.ศ. 2517 เรื่อง เจมส์ บอนด์ ในตอนเพชฌฆาตปืนทอง (The Man with the Golden Gun)มาแล้ว ซึ่งบรรยากาศ หรือทิวทัศน์ที่สวยงามเหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจในแก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนจังหวัดพังงาของเรา แต่ก็มีหลายคนเหมือนกัน ที่ทำหน้างง เมื่อกล่าวถึงจังหวัดพังงา และไม่เคยรู้เลยว่าจังหวัดพังงาเป็นจังหวัดชายทะเลจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย ตั้งอยู่ทางภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามัน และเป็นจังหวัดในกลุ่ม 3 จังหวัดอันดามัน ซึ่งประกอบไปด้วย จังหวัดพังงา ภูเก็ต และกระบี่ ทั้งยังถือได้ว่าเป็นจังหวัดน้องใหม่มาแรงในด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ (Ecotourism / Greentourism) ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม และสมบูรณ์ จัดได้ว่าเป็นจุดเด่น หรือ อัตลักษณ์ของจังหวัดพังงา ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลการศึกษาของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เรื่อง อัตลักษณ์เอสเอ็มอี (SME) ประเทศไทย พบว่า ธุรกิจเอสเอ็มอีที่โดดเด่นของภาคใต้ คือ ธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ธุรกิจผลิตอาหารจากสินค้าเกษตร ธุรกิจสินค้าหัตถกรรม ธุรกิจแปรรูปอาหารทะเล ธุรกิจประมงและธุรกิจแปรรูปอาหารพื้นเมือง ซึ่งพังงาก็มีธุรกิจทั้งหมดเหล่านี้เป็นฐานสำคัญในการประกอบอาชีพของชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจท่องเที่ยวและบริการที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งในปัจจุบันมีหน่วยงานในจังหวัดพังงาหลายหน่วยงานที่ร่วมส่งเสริมยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของจังหวัดพังงาให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย จึงส่งผลให้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการด้านธุรกิจท่องเที่ยวและบริการรายใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมากพอสมควร โดยผู้ประกอบการเหล่านั้นไม่ให้ความสนใจพลวัตด้านอื่นๆ ของจังหวัดพังงา ที่จะส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลขึ้น นั่นอาจเป็นเหตุทำให้การท่องเที่ยวเชิงนิเวศของจังหวัดพังงาไม่อาจดำเนินไปอย่างยั่งยืนได้ ซึ่งวิธีที่จะบริหารจัดการให้ธุรกิจท่องเที่ยวแบบท่องเที่ยวเชิงนิเวศสามารถดำเนินอยู่อย่างยั่งยืนได้นั้น จะต้องมีการอนุรักษ์ ควบคุม ดูแลรักษาและใช้ทรัพยากรที่มีอย่างพอดีตามศักยภาพ มีการจัดกิจกรรมที่สมดุลและเหมาะสม มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดระหว่างผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ที่มีส่วนได้เสีย (Stakeholder) ต้องคำนึงถึงการพัฒนาด้านการให้ความรู้ความเข้าใจมากกว่ามุ่งเน้นความเจริญทางด้านเศรษฐกิจ และสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ คือ ต้องให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนและองค์กรในท้องถิ่น ในการวางแผนพัฒนา หรือแลกเปลี่ยนความรู้จากเครือข่ายทางสังคม (Social Network Interpretation)

จากข้อมูลของ สสว. เรื่องอัตลักษณ์ของเอสเอ็มอีในภาคใต้นั้น ยังมีอัตลักษณ์อีกหลายด้านที่ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ ซึ่งในการพัฒนาอาชีพของชุมชนในด้านต่างๆ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานหลายภาคส่วนซึ่งมีบทบาท หน้าที่และภารกิจที่แตกต่างกันออกไป เช่น หน่วยงานด้านการประชาสัมพันธ์ ด้านการศึกษา ด้านการอนุรักษ์ ฯลฯ ผมเห็นว่าวิทยาลัยชุมชนพังงาเป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่มีศักยภาพ สามารถช่วยผลักดันการพัฒนาและส่งเสริมอัตลักษณ์ของจังหวัดพังงาได้ วิทยาลัยชุมชนพังงาอยู่ภายใต้สังกัดคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) เหมือนกับมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศไทย ต่างกันที่เป็นหน่วยงานการศึกษาขนาดเล็ก ที่ก่อให้เกิดกลไกสำคัญในการให้การศึกษาแบบบูรณาการเพื่อพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่เปิดโอกาสให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการบริหาร การวางแผน และการกำหนดนโยบายต่างๆ เพื่อที่จะได้เป็นสถานศึกษาของชุมชน เพื่อชุมชนอย่างแท้จริง โดยวิทยาลัยชุมชนพังงาเข้าไปสัมผัส คลุกคลี รวมทั้งทำงานเชิงรุกและรับเพื่อสนองตอบความต้องการของชุมชนอย่างใกล้ชิด ทำให้รู้ถึงภูมิสังคม และบริบทของชุมชนเป็นอย่างดี ประกอบกับมีหลักสูตรการฝึกอบรมที่หลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยน และยืดหยุ่นได้ตามความต้องการ คือหลักสูตรระยะสั้น ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของวิทยาลัยชุมชนในด้านการให้บริการทางการศึกษาแก่ชุมชน ซึ่งหากเปรียบวิทยาลัยชุมชนกับกองทัพแล้ววิทยาลัยชุมชนเปรียบเสมือนหน่วยเคลื่อนที่เร็วซึ่งมีความคล่องตัว สามารถปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในการโจมตีได้ทุกรูปแบบ ดังนั้นโอกาสที่วิทยาลัยชุมชนพังงาจะเสริมสร้าง และผลักดันอัตลักษณ์ของชุมชนในจังหวัดพังงาให้เด่นชัดออกมาในรูปแบบต่างๆ เพื่อที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ในการสร้างอาชีพให้แก่ประชาชนในท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ก็คงไม่ยาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงต้องอาศัยความร่วมมือของเครือข่ายจากภาคส่วนต่างๆ ในการระดมทรัพยากรที่จำเป็นในแต่ละด้าน เพื่อพัฒนาท้องถิ่น หรือชุมชนด้วย จากมุมมองของผม ปัจจัยแห่งความสำเร็จ (Key Success Factor) ของการพัฒนาชุมชนโดยการสร้างอาชีพให้แก่ประชาชนในชุมชนนั้น มี 2 ประการ คือ 1. ชุมชน และองค์กรแวดล้อม 2. การส่งเสริมอัตลักษณ์ของชุมชน

โดยปกติแล้วภาวะแห่งการพัฒนาใหม่จำเป็นต้องอาศัยฐานการคิดที่เป็นแกนกลาง มีปฏิสัมพันธ์กันระหว่างมนุษย์กับชุมชน มีชุมชนเป็นฐาน และฐานชุมชนก็ต้องตั้งอยู่บนหลักการพัฒนาที่ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ เน้นที่ชุมชนต้องอยู่ร่วมกันในระบบนิเวศที่ดี และประกอบเข้าเป็นองค์รวมเดียว ดังนั้นการพัฒนาชุมชนโดยเอาชุมชนเป็นตัวตั้งนั้น จึงต้องใช้หลักคิด การพัฒนาชุมชนแบบองค์รวมที่ยั่งยืน ผมคิดว่าการพัฒนาชุมชน หรือท้องถิ่นให้มีความเจริญนั้นทำได้ไม่ยาก แต่จะทำอย่างไรให้ความเจริญนั้นตั้งอยู่บนความยั่งยืน นี่คือ โจทย์ที่ท้าทายของวิทยาลัยชุมชนพังงา

เมื่อทราบถึงหลักการพัฒนาชุมชน และปัจจัยแห่งความสำเร็จแล้ว วิทยาลัยชุมชนพังงาก็ต้อง เดินหน้าพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมให้เหมาะสมกับ อัตลักษณ์ของชุมชนเพื่อความเจริญอย่างยั่งยืนบนฐานของความพอเพียง ส่วนแต่ละชุมชนอยากได้หลักสูตรการฝึกอบรมที่ส่งเสริมอัตลักษณ์ของตนอย่างไรนั้น ผมเชื่อว่าคนในชุมชนคงให้คำตอบได้ดีที่สุดครับ

2 ความคิดเห็น:

  1. เห็นด้วยครับ...ร่างกายจะต้านเชื้อโรคได้ ก็ต้องมีภูมิคุ้มกันดี เช่นกันสังคมจะอยู่รอดได้ คนในสังคมนั้นต้องได้รับการศึกษา ทั้งด้านคุณธรรม จริยธรรม(ทั้งทางโลก และทางธรรม) อิอิ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ15 กรกฎาคม 2553 เวลา 06:52

    ขอบคุณสำหรับการแบ่งปันครับ แม้นศรี

    ตอบลบ

คิดเห็นแบ่งปัน (Let's SHARE)